เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )

Share : facebook share line share.png twitter share messenger share

เลือก นวม แต่ละรุ่น ใน กีฬา มวยไทย ( Muay Thai )



เพื่อน ๆ ที่ดูกีฬา มวยไทย ( Muay Thai ) สิ่งที่เราได้เห็นกันเป็นประจำ นอกจากคู่แข่งทั้งสองฝ่ายแล้วนั่นก็คือ นวม นั่นเอง แล้วเค้าเลือกนวมสวมกันในแต่ละรุ่นอย่างไร วันนี้เราได้รวบรวมข้อมูลมาให้เพื่อน ๆ แล้วค่ะ

 

ในการชกมวย ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อม หรือแข่งขันจริง นักมวย จำเป็นต้องสวมใส่ นวม สวมไว้ที่ข้อมือทั้ง 2 ข้อ เพื่อใช้ในการออกหมัดไปยังเป้าหมาย หรือคู่ต่อสู้ ซึ่งนวม จะช่วยป้องกันอาการกระดูกฝ่ามือร้าว หรือหักได้

 

ในการแข่งขัน นักมวย ต้องใช้นวม ที่ได้รับการรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการกีฬามวย ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งนายสนามมวย หรือ ผู้จัดรายการแข่งขันมวย ได้จัดไว้ให้เท่านั้น ซึ่งข้อกำหนดในการสวมใส่นวม ของนักมวยในแต่ละรุ่น สามารถแบ่งการใช้นวมได้ 3 ประเภท ดังนี้

 

 

นักมวยที่ต้องใช้ นวม ขนาด 6 ออนซ์ ( 132 กรัม ) คือ นักมวย 8 รุ่น ดังนี้

รุ่นพินเวท ( Pinweight ) น้ำหนักต้องเกิน 93 ปอนด์ ( 42.272 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 100 ปอนด์ ( 45.454 กิโลกรัม )

รุ่นมินิฟลายเวท ( Mini Flyweight ) น้ำหนักต้องเกิน 100 ปอนด์ ( 45.454 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 105 ปอนด์ ( 47.727 กิโลกรัม )

รุ่นไลท์ฟลายเวท ( Light Flyweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 105 ปอนด์ ( 47.727 กิโลกรัม ) และไม่เกิน 108 ปอนด์ ( 48.988 กิโลกรัม )

รุ่นฟลายเวท ( Flyweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 108 ปอนด์ ( 48.988 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 112 ปอนด์ ( 50.802 กิโลกรัม )

รุ่นซูเปอร์ฟลายเวท ( Super Flyweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 112 ปอนด์ ( 50.802 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 115 ปอนด์ ( 52.163 กิโลกรัม )

รุ่นแบนตัมเวท ( Bantamweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 115 ปอนด์ ( 52.163 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 118 ปอนด์ ( 53.524 กิโลกรัม )

รุ่นซูเปอร์แบนตัมเวท ( Super Bantamweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 118 ปอนด์ ( 53.524 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 122 ปอนด์ ( 55.338 กิโลกรัม )

รุ่นเฟเธอร์เวท ( Featherweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 122 ปอนด์ ( 55.338 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 126 ปอนด์ ( 57.153 กิโลกรัม )

 

 

นักมวยที่ต้องใช้ นวม ขนาด 8 ออนซ์ ( 227 กรัม ) คือ นักมวย 4 รุ่น ดังนี้

รุ่นซูเปอร์เฟเธอร์เวท ( Super Featherweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 126 ปอนด์ ( 57.153 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 130 ปอนด์ ( 58.967 กิโลกรัม )

รุ่นไลท์เวท ( Lightweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 130 ปอนด์ ( 58.967 กิโลกรัม) และไม่เกิน 135 ปอนด์ ( 61.235 กิโลกรัม )

รุ่นซูเปอร์ไลท์เวท ( Light Welterweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 135 ปอนด์ ( 61.235 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 140 ปอนด์ ( 63.503 กิโลกรัม )

รุ่นเวลเตอร์เวท ( Welterweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 140 ปอนด์ ( 63.503 กิโลกรัม ) และไม่เกิน 147 ปอนด์ ( 66.678 กิโลกรัม )

 

 

นักมวยที่ต้องใช้ นวม ขนาด 10 ออนซ์ ( 284 กรัม ) คือ นักมวย 7 รุ่น ดังนี้

รุ่นซูเปอร์เวลเตอร์เวท ( Super Welterweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 147 ปอนด์ ( 66.678 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 154 ปอนด์ ( 69.853 กิโลกรัม )

รุ่นมิดเดิลเวท ( Middleweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 154 ปอนด์ ( 69.853 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 160 ปอนด์ ( 71.575 กิโลกรัม )

รุ่นซูเปอร์มิดเดิลเวท ( Super Middleweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 160 ปอนด์ ( 71.575 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 168 ปอนด์ ( 76.374 กิโลกรัม )

รุ่นไลท์เฮฟวี่เวท ( Light Heavyweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 168 ปอนด์ ( 76.374 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 175 ปอนด์ ( 79.379 กิโลกรัม )

รุ่นฟลายเวท ( Flyweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 175 ปอนด์ ( 779.379 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 190 ปอนด์ ( 86.183 กิโลกรัม )

รุ่นเฮฟวี่เวท ( Heavyweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 190 ปอนด์ ( 86.183 กิโลกรัม ) และ ไม่เกิน 200 ปอนด์ ( 90.900 กิโลกรัม )

รุ่นซูเปอร์เฮฟวี่เวท ( Super Heavyweight ) น้ำหนักตัวต้องเกิน 200 ปอนด์ขึ้นไป ( 90.900 กิโลกรัมขึ้นไป )

 

 

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

ประวัติศาสตร์ มวยไทย ( Muay Thai ) จากรุ่นสู่รุ่น

เทคนิค เสริมสร้างการทรงตัว ด้วย มวยไทย ( Muay thai )



บทความที่น่าสนใจ

รุก รับ ฉบับ มวยไทย ( Muay Thai )
มวยไทย ทำไมต้องมีดนตรี